มะเร็งผิวหนัง เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่ต้องระวัง ยิ่งหากใครต้องอยู่กลางแจ้งและสัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำด้วยแล้ว จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากขึ้น ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันเลยว่าเกิดจากอะไร มีวิธีการรักษาและป้องกันได้อย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และสามารถรับมือได้ถูกวิธีนั่นเอง
มะเร็งผิวหนัง เกิดจากอะไร
โรคมะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer) เป็นโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง โดยเฉพาะเซลล์ที่อยู่ในชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งมะเร็งผิวหนังมีหลายประเภท ได้แก่ สไปโนมาฮิสเซลล์ (Basal Cell Carcinoma), สเควมัสเซลล์ (Squamous Cell Carcinoma) และเมลานอม่า (Melanoma) โดย เมลานอม่า เป็นประเภทที่อันตรายที่สุด เนื่องจากสามารถกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ซึ่งมีสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ผิวหนังดังนี้
- การสัมผัสกับรังสี UV รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง เมื่อผิวหนังสัมผัสกับรังสี UV มากเกินไปจะทำให้เกิดความเสียหายต่อดีเอ็นเอในเซลล์ผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งได้
- ประวัติครอบครัว ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญ หากมีสมาชิกในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็งผิวหนัง จะมีความเสี่ยงมากขึ้น
- ผู้ที่มีผิวขาวหรือมีสีผิวอ่อนมักจะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่มีผิวเข้ม เนื่องจากผู้ที่มีผิวสีอ่อนมีเมลานินน้อยกว่า ซึ่งทำให้ผิวมีแนวโน้มที่จะถูกทำลายจากรังสี UV ได้ง่ายกว่า
- การมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือผู้ที่มีการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ จะมีความเสี่ยงสูงในการเกิด มะเร็งผิวหนัง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติได้
- รอยแผลหรือการบาดเจ็บเรื้อรังบนผิวหนัง อาจส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน
มะเร็งผิวหนัง อาการเป็นอย่างไร
โรคมะเร็งผิวหนังมีหลายประเภท และอาการสามารถแตกต่างกันไปตามประเภทของมะเร็ง โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วย มะเร็งผิวหนัง อาการ ที่สามารถสังเกตได้มีดังต่อไปนี้
- ไฝหรือจุดด่างที่มีอยู่เดิมมีการเปลี่ยนแปลงขนาด รูปร่าง หรือสี ไฝที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีลักษณะไม่สมมาตร
- แผลหรือบริเวณที่มีการแตกหรือบาดเจ็บหายช้า หรือไม่หายไปภายใน 3 สัปดาห์ และแผลมีขอบไม่เรียบหรือมีลักษณะนูนขึ้น
- ผิวหนังมีอาการคันหรือระคายเคืองโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจมีอาการเจ็บปวดบริเวณที่เป็นด้วย
- ผิวหนังในบริเวณที่มีการเจริญเติบโตของมะเร็งอาจมีลักษณะขรุขระ ขุย หรือเหมือนมีสะเก็ด
- สีผิวที่ผิดปกติ มีจุดหรือแผลที่มีสีแตกต่างจากสีผิวทั่วไป เช่น มีริ้วสีน้ำเงิน แดง หรือน้ำตาลมาปะปน
- การมีผิวหนังที่ไม่เรียบ พื้นผิวของผิวหนังอาจมีลักษณะไม่เรียบหรือเหมือนหนังสัตว์แลดูไม่ปกติ
- ผิวหนังที่มีการจับตัวกัน มีการจับกลุ่มของเนื้อ ซึ่งอาจรู้สึกว่าผิวนูนขึ้นจากผิวบริเวณทั่วไป
หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าคุณเสี่ยงเป็น มะเร็งผิวหนัง หรือไม่ จะได้ทำการรักษาได้ทันนั่นเอง
วิธีการดูแลรักษา โรคมะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนัง สามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค โดยมีวิธีการรักษาเริ่มจากการตรวจวินิจฉัยโรค ดังนี้
1.การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง
การตรวจวินิจฉัยก่อนเริ่มการรักษาเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจสอบลักษณะของผิวหนังและอาจมีการทำการรักษาเบื้องต้นก่อน เช่น การตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อระบุชนิดของมะเร็งผิวหนังอย่างแน่นอน การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
2.วิธีการรักษาที่นิยม
- การผ่าตัด (Surgery): การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาที่พบบ่อย สำหรับมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ลึกมาก โดยการตัดเอาเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งออกไป
- การรักษาด้วยรังสี (Radiation Therapy): ใช้รังสีในการทำลายเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น
- การบำบัดด้วยเคมี (Chemotherapy): ใช้ยารักษาที่ช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งอาจใช้ในกรณีที่เป็นมะเร็งผิวหนังในระยะที่รุนแรง
- การบำบัดด้วยการรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser Therapy): ใช้รังสีเลเซอร์ในการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งเหมาะสมสำหรับมะเร็งที่ผิวหนังในระดับเบา
- การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy): ใช้การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้มีความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ซึ่งกลายเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมในขณะนี้
3.การดูแลหลังการรักษา
- การติดตามผล: ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามอาการและประเมินโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกได้
- การดูแลผิวหนัง: ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง และหลีกเลี่ยงการตากแดดในช่วงเวลาที่แดดจัด การรักษาความสะอาดของผิวหนังและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
- ควบคุมสุขภาพอื่น ๆ: การรักษาสุขภาพโดยรวม เช่น การจัดการความเครียด โภชนาการที่ดี และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการกลับมาของโรคได้ดี
การป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง
การป้องกัน มะเร็งผิวหนัง มีความสำคัญเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและรักษาสุขภาพผิวหนังให้ดีอยู่เสมอ โดยมีวิธีการป้องกันดังนี้
1.ใช้ครีมกันแดด
การใช้ครีมกันแดดเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) อย่างน้อย 30 ขึ้นไป และเป็นแบบที่สามารถกัน UVA และ UVB ได้ ทาเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดให้ทั่วผิวหนังอย่างน้อย 15-30 นาที ก่อนออกไปโดนแดด และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหรือทุกครั้งหลังจากว่ายน้ำหรือมีเหงื่อออกเยอะ
2.สวมเสื้อผ้าที่ปกปิด
การสวมใส่เสื้อผ้าปกปิดได้อย่างมิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และหมวกปีกกว้าง สามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้มากขึ้น ถ้าสามารถเลือกใช้เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่มีการปกป้อง UV จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันมากกว่าเดิม
3.หลีกเลี่ยงการตากแดดในช่วงเวลาที่แดดจัด
รังสี UV มักจะแรงที่สุดในช่วงเวลาระหว่าง 10.00 น. ถึง 16.00 น. ในช่วงเวลานี้ควรหลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้ง หากจำเป็นให้มองหาที่ร่มหรือสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสมอ
4.ตรวจสอบผิวหนังเป็นประจำ
การตรวจสอบผิวหนังตัวเองเป็นวิธีที่ดีในการเช็กการเปลี่ยนแปลงในผิวหนัง ควรสังเกตจุดด่าง ไฝ หรือผิวหนังที่มีความผิดปกติ หากพบอาการที่น่าสงสัย เช่น ไฝที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดหรือสี หรือแผลที่ไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ทันที
5.เลิกบุหรี่
การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งทั่ว ๆ ไป แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังอีกด้วย การเลิกบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยงและส่งเสริมสุขภาพผิวหนังที่ดี
6.รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
การมีโภชนาการที่ดีสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน A, C, E และสารจากกลุ่มฟลาโวนอยด์
7.การตรวจร่างกายเป็นประจำ
การตรวจร่างกายเป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยในการตรวจเช็กสุขภาพโดยรวม รวมถึงการตรวจสุขภาพผิวหนัง ควรไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีประวัติในครอบครัวควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม
การป้องกัน มะเร็งผิวหนัง นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการดูแลสุขภาพผิวหนัง และการปฏิบัติตามวิธีการที่ได้แนะนำข้างต้น เพื่อให้คุณมีสุขภาพผิวหนังที่ดี และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับสุขภาพของคุณ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1.เคล็ดลับหน้าใส ใน 5 วันด้วยสูตรพอกหน้าด้วยมะขามเปียก
2.รีวิว 7 คอลลาเจนเซเว่น ผิวสวยกระจ่างใส ในงบสุดประหยัด
3.6 เทคนิคแต่งหน้าใส ๆ รับปริญญา ดูสวยมีออร่าถ่ายรูปแล้วขึ้นกล้อง
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team