ตรวจการตั้งครรภ์ รอบเดือนขาด 1 วัน ตรวจได้จริงหรือ?

17 March 2012
71373 view

ตรวจการตั้งครรภ์

ตรวจการตั้งครรภ์ รอบเดือนขาด 1 วัน ตรวจได้จริงหรือ? เมื่อเริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ อาจทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่น่าเชื่อถือและวางจำหน่ายอยู่ทั่วไป แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรตรวจตอนไหน ตรวจช่วงเลาไหนแม่นสุด Mamaexpert มีคำแนะนำมาฝาก เพื่อการติดตามการดูแลครรภ์ให้คุณแม่ มาดูกันค่ะ...

ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง

การตรวจครรภ์ด้วยตัวเองนี้จะเป็นการทดสอบหาฮอร์โมน HCG (Human chorionic gonadotropin) ในปัสสาวะของคุณแม่ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งมาจากรกและจะเริ่มผลิตหลังจากเกิดการปฏิสนธิไปแล้วประมาณ 6 วัน และจะขึ้นสูงสุดในช่วง 8-12 สัปดาห์ มีความแม่นยำมากถึงร้อยละ 90 สามารถตรวจได้อย่างแม่นยำในรายที่มีการขาดประจำเดือนตั้งแต่วันที่ 10-14 ขึ้นไป มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ

  1. แบบตลับหรือแบบหยด ใช้งานโดยการเก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะเข้าไปในปริมาณพอเหมาะ หยดน้ำปัสสาวะลงบนตลับทดสอบที่วางบนพื้นราบประมาณ 3-4 หยด วางชุดทดสอบทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วอ่านผลการทดสอบ ราคาประมาณ 140-180 บาท
  2. แบบแถบจุ่ม ใช้งานโดยให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะเพียง 3 วินาที ระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดหรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ แล้วนำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือหรือวางไว้ในแนวนอน รออ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 5 นาที ราคาจะประมาณ 100-140 บาท
  3. แบบปัสสาวะผ่าน วิธีก็ใช้ก็คือถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง แล้วปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะซึ่งจะอยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที แล้วให้ถือหรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ ออ่านผลได้ตั้งแต่ประมาณ 30 วินาทีเป็นต้นไป (เพื่อความชัวร์ควรรออ่านผลภายใน 3-5 นาที) มีข้อดีคือสามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่าชนิดอื่น เพราะไม่ต้องเก็บน้ำปัสสาวะในถ้วย จึงช่วยลดขั้นตอนในการทดสอบได้ แต่จะมีข้อเสียกว่าสองแบบแรกคือจะมีราคาสูงกว่า (ราคาประมาณ 180-200 บาท)

ทำไมต้องตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ

Beta HCG  ถูกสร้างขึ้นมาจะเข้าไปในกระแสเลือด  จะมีความเข้มข้นมากขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น  และจะขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ เราใช้ฮอร์โมน Beta HCG  ในการตรวจภาวะการตั้งครรภ์โดยการเจาะเลือด  ตั้งแต่วันที่ 9-10  หลังจากปฏิสนธิ  และตรวจโดยการใช้ชุดตรวจปัสสาวะ  ตั้งแต่วันที่ 15 เป็นต้นไป  หลังจากวันดังกล่าว ความชัดเจนจะยิ่งมีมากขึ้น ดังนั้น  ถ้าเราทราบวันตกไข่  หรือวันปฏิสนธิเราก็จะรู้ว่าควรจะตั้งครรภ์ได้เมื่อไร

ตรวจการตั้งครรภ์ เริ่มตรวจได้เมื่อไหร่

ในกรณีที่ไม่ทราบวันตกไข่ ทราบแต่วันมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย ก็พอจะประยุกต์ใช้ได้คือ เมื่อมีเพศสัมพันธ์และเชื้ออสุจิเข้าไปที่ปากมดลูก  มันอาจจะมีชีวิตรอปฎิสนธิได้นานที่สุด 5 วัน  ( หมายความว่า ถ้าไข่ตกภายใน 5 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์  ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้  ถ้าเกินนั้นไม่ควรจะมีการตั้งครรภ์ ) ดังนั้น ถ้ามีการตั้งครรภ์ ควรตรวจเลือดเป็นบวกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 15 วัน  หรือตรวจปัสสาวะเป็นบวก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 20 วันขึ้นไป ถ้าตรวจแล้วเป็นลบก็แปลว่าไม่ตั้งครรภ์  ตัวอย่างเช่น  ไม่ทราบวันตกไข่  มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 1  มกราคม   ไข่ที่ตกวันที่ 1-5 มกราคม  มีโอกาสได้รับปฏิสนธิ  ไข่ที่ตกวันที่ 6 มกราคม  หรือหลังจากนั้นไม่ควรได้รับการปฏิสนธิ  ดังนั้น  ถ้าตรวจเลือดวันที่  15 มกราคม  หรือ ตรวจปัสสาวะวันที่ 20  มกราคม  ก็จะบอกได้เลยว่าตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์แน่นอน ( ถ้าตรวจถูกต้อง เครื่องมือตรวจไม่เสื่อมสภาพ ) ถ้าตรวจก่อนวันดังกล่าว  ถ้าได้ผลบวกก็น่าจะใช่  แต่ถ้าได้ผลลบ ควรตรวจซ้ำอีกครั้ง

ตรวจการตั้งครรภ์ เวลาไหนแม่นสุด

ในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้า หลายคนเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจาก มีปริมาณของฮอร์โมนการตั้งครรภ์เข้มข้นมากที่สุด เพราะคั่งค้างจากการไม่ได้ขับถ่ายปัสสาวะในตอนกลางคืน  แท้จริงแล้ว สามารถตรวจได้ทุกช่วงเวลา ไม่จำเป้นต้องตอนเช้าหลัตื่นนอน เพราะทุกช่วงเวลา ในปัสสาวะมีฮอร์โมนการตั้งครรภ์ปะปนในปัสสาวะพอๆกัน  โดยสรุปก็คือ การตรวจปัสสาวะเพื่อการทดสอบด้วยตนเองเป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้นที่จะบอกว่าตนเอง “น่าจะ”  ตั้งครรภ์หรือไม่  ถ้าได้ผลบวก แต่อาการของเราไม่ตรงกับอาการที่น่าจะท้อง  หรือตรงกันก็ตาม  แต่ผลตรวจแตกต่างออกไปก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ที่ใช้วิธีตรวจที่แม่นยำมากขึ้น  เช่นการตรวจเลือดหาระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์  หรือการทำ อัลตราซาวนด์  เป็นต้น  ถ้าประจำเดือนขาด แต่ตรวจปัสสาวะแล้ว ไม่ตั้งครรภ์ หรือ ไม่ท้อง ก็แปลว่ารอบเดือนนั้นรังไข่ทำงานผิดปกติ หรือ ไม่ตกไข่ ก็ต้องหาสาเหตุกันต่อไป

บางครั้งการตั้งครรภ์ก็เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไหน ถ้าลงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ก็ให้รีบตรวจ เพื่อการวางแผนในการดูแลครรภ์ต่อไปค่ะ เพื่อสุขภาพครรภ์ที่ดี เมื่อรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ ควรรีบไปฝากครรภ์และดูแลครรภ์ให้ดีที่สุดค่ะ

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1. ฝากครรภ์ที่ไหนดี กับ รีวิวตลอดการฝากครรภ์คุณต้องใช้เงินกี่บาท

2. ประเภทของอัลตราซาวด์และค่าใช้จ่ายในการทำอัลตราซาวด์

3. อัลตราซาวด์ 4 มิติ ตรวจอะไรได้บ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

เรียบเรียงโดย :  Mamaexpert Editoriao Team