
ในช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ ทารกในครรภ์เริ่มมีการเจริญเติบโตอย่างชัดเจน ผิวหนังของทารกยังบางและใส แต่ร่างกายก็เริ่มสร้างไขมันเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิ ส่วนคุณแม่จะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกมากขึ้น รวมทั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และระดับฮอร์โมนในร่างกายก็ยังคงปรับตัวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของลูกในครรภ์ ดังนั้นคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อจะได้รับมืออย่างถูกวิธีนั่นเอง
พัฒนาการของทารกในครรภ์ อายุครรภ์ 21 สัปดาห์
ในช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ ทารกในครรภ์กำลังเจริญเติบโต และพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการเตรียมความพร้อม ก่อนจะคลอดออกมาเป็นทารกตัวน้อย โดยช่วงนี้ทารกในครรภ์จะมีพัฒนาการอย่างไร มาดูกันเลย
1. ขนาดและน้ำหนักของทารก
อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ ทารกมีความยาวประมาณ 27 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 360-400 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับลูกแตงโมขนาดเล็ก ทำให้สามารถรู้สึกการเคลื่อนไหวได้ชัดเจนขึ้น และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
2. ระบบสมองและประสาท
สมองของทารกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เซลล์สมองเพิ่มจำนวนและเชื่อมต่อกันมากขึ้น ส่งผลให้ทารกสามารถเคลื่อนไหวตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงและแสง รวมถึงสามารถรับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ ภายในร่างกาย
3. ผิวหนังและไขมันใต้ผิวหนัง
ผิวหนังของทารกช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ ยังบางและใส แต่มีการสะสมไขมันใต้ผิวหนังมากขึ้น ซึ่งช่วยเก็บความอบอุ่นให้ร่างกาย และเตรียมพร้อมสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอกในอนาคต ผิวหนังยังมีรอยพับและรอยย่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นลักษณะปกติของช่วงเวลานี้
4. ระบบประสาทสัมผัสและการตอบสนอง
ทารกในช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ สามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ จากภายนอกและตอบสนองด้วยการเคลื่อนไหวได้แล้ว เช่น การขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงแม่ รวมทั้งสามารถรับรู้ถึงแสงสว่างผ่านผิวหนังและผนังครรภ์ได้ด้วย
5. ระบบอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อ
หัวใจของทารกช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ เต้นเร็วขึ้นเป็นประมาณ 120-160 ครั้งต่อนาที ระบบทางเดินอาหารและไตมีการพัฒนาเพื่อเตรียมการทำงานในอนาคต กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรงขึ้น ทำให้ทารกสามารถเคลื่อนไหวและเปลี่ยนท่าทางได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น
6. ระบบทางเดินหายใจและปอด
อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ แม้ปอดจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่ทารกเริ่มมีการฝึกหายใจโดยการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ปอด และสร้างสารเคมีที่ช่วยให้ปอดสามารถทำงานได้ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของการพัฒนาระบบหายใจ
7. การพัฒนาด้านอารมณ์และการแสดงออก
ทารกในครรภ์สามารถแสดงออกทางกล้ามเนื้อและลมหายใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการแสดงอารมณ์และพฤติกรรมในอนาคต เช่น การดูดนิ้ว การเคลื่อนไหวของริมฝีปาก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าระบบประสาทและกล้ามเนื้อกำลังพัฒนาอย่างเต็มที่
การเข้าใจพัฒนาการของทารกใน อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ นี้ เป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแล และเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดและการดูแลลูกในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคุณแม่
ในช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ คุณแม่จะเผชิญ กับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างมากมาย เช่น น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามพัฒนาการของทารก และขนาดของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของลูกน้อย ผิวหนังอาจมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวแตกลายหรือมีความแห้ง เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอาจมีอาการอ่อนเพลีย ล้าจากการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่ต้องปรับตัวเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ คุณแม่อาจรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ เช่น ความรู้สึกวิตกกังวลหรืออารมณ์ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่ส่งผลต่อจิตใจและร่างกายของแม่ในช่วงเวลานี้
อาการที่มักพบในคุณแม่ช่วงอายุครรภ์ 21 สัปดาห์
ในช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ สัปดาห์ คุณแม่มักจะเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อสภาพร่างกาย และจิตใจของคุณแม่ การเข้าใจอาการที่พบบ่อยในช่วงนี้จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม และเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดในอนาคต
1. อาการปวดหลังและปวดท้อง
คุณแม่อาจรู้สึกปวดหลัง เนื่องจากมดลูกขยายตัวและน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบ ๆ หลังตึงเครียด รวมถึงอาการปวดท้องด้านล่างเนื่องจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่รองรับมดลูกปรับตัว เพื่อรองรับการขยายตัวของครรภ์
2. รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย
ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายขึ้นแม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก รวมทั้งอาจมีปัญหาเรื่องการนอนหลับที่ไม่สนิทเนื่องจากความไม่สบายตัว
3. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง
ผิวหนังอาจมีการแตกลาย หรือเกิดรอยแดงบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือสะโพก เนื่องจากผิวหนังยืดหยุ่นเพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก รวมทั้งอาจมีอาการคันผิวเนื่องจากผิวแห้งและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
4. อาการทางระบบทางเดินอาหาร
คุณแม่อาจพบอาการคลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาหารไม่ย่อย ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการกดทับของมดลูกที่ขยายตัวต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องและอาจมีอาการเรอหรือท้องผูกร่วมด้วย
5. การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
อาจมีความผันผวนทางอารมณ์ เช่น ความวิตกกังวล ความเครียด หรืออารมณ์ดีขึ้นและรู้สึกมีความสุข นอกจากนี้ อาจมีความรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพลูกหรือการเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด ซึ่งเป็นผลจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในร่างกาย
6. อาการบวมและเสียดท้อง
คุณแม่อาจมีอาการบวมบริเวณเท้า ขา มือ หรือใบหน้า เนื่องจากภาวะร่างกายเก็บน้ำมากขึ้น รวมทั้งอาการเสียดท้องจากการกดทับของมดลูกที่ขยายตัวต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกไม่สบายและอึดอัด
7. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายนอก
นอกจากผิวหนังแตกลายแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงของทรงผมและผิวพรรณ เช่น ผมอาจดูเงางามขึ้น หรือผิวพรรณดูสดใสขึ้น แต่บางรายอาจเผชิญกับสิวหรือผิวมันมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนในร่างกาย
8. การเตรียมตัวสำหรับการคลอด
ในช่วงนี้ คุณแม่อาจเริ่มรู้สึกถึงความรู้สึกตื่นเต้นหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอด รวมทั้งอาการต่าง ๆ เช่น การหดตัวของมดลูก หรือการเตรียมตัวทางจิตใจและร่างกายเพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญนี้ ควรปรึกษาแพทย์และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อความพร้อมในการดูแลลูกน้อย
การเข้าใจอาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถรับมือและดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมในช่วงอายุครรภ์ 21 สัปดาห์
ข้อควรระวังและการดูแลสุขภาพในช่วงนี้
ในช่วง อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ คุณแม่ควรระวังเรื่องการรับประทานอาหารที่ปลอดภัย และมีประโยชน์ รวมถึงการหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สารเคมี หรืออาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อทารก นอกจากนี้ ควรดูแลเรื่องการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู และลดความเครียด การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินหรือโยคะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ก็เป็นสิ่งที่แนะนำ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ และที่สำคัญคือการเข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งแม่และลูกน้อยปลอดภัยตลอดช่วงการตั้งครรภ์
อาหารและโภชนาการสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
อาหารและโภชนาการสำหรับคุณแม่ อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ ควรเน้นรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก โฟเลต และแคลเซียม ซึ่งช่วยสร้างเนื้อเยื่อและกระดูกของทารก นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลมาก หรืออาหารดิบและอาหารแปรรูปเพื่อป้องกันเชื้อโรคและสารพิษ การรับประทานอาหารให้เป็นมื้อย่อย ๆ แต่บ่อยครั้งในแต่ละวันจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิตที่ดี รวมถึงการปรุงอาหารอย่างถูกวิธี จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงทั้งแม่และลูกในครรภ์
ช่วง ตั้งครรภ์ 21 สัปดาห์ คุณแม่จะรู้สึกการเคลื่อนไหวของทารกมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าทารกเติบโตอย่างปกติ ควรใส่ใจดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และเข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัดเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่ และลูกในครรภ์ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย และพัฒนาการของทารก เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ราบรื่นและปลอดภัยที่สุด
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1.7 ดอกไม้สีชมพูสวยๆ ปลูกไว้ประดับสวน เพิ่มสีสันที่งดงาม
2.7 ต้นไม้เรียกทรัพย์ ปลูกแล้วรวย เสริมดวง เสริมความเป็นมงคล
3.6 ต้นไม้มงคล เรียกทรัพย์ค้าขาย ปลูกไว้เลยค้าขายดีแน่นอน
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team