บ้านหาญเสมอ สูญเสีย 4 คนจากรถตู้ย่างสด25ศพ วันนี้ได้รับเงินช่วยเหลือนับล้าน

04 January 2017
1383 view

แห่มอบเงินช่วยเหลือ 4 ศพเหยื่อรถตู้กว่า 1 ล้านบาทเศษ พ่อเหยื่อรถตู้มรณะเพิ่มวันสวดพระอภิธรรมศพเป็น 2 คืนเพื่อให้ญาติพี่น้องจากต่างจังหวัดมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพได้ทัน วอนขอให้ครอบครัวหาญเสมอเป็นอุบัติเหตุรายสุดท้ายที่สร้างความเสียใจให้คนไทย

วันที่ 4 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถตู้พุ่งข้ามเลนมาชนรถปิคอัพที่บริเวณถนนสาย 344 อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 25 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 16 คน ในผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นเด็กจำนวน 2 คน โดยผู้โดยสารที่มากับรถปิคอัพ จำนวน 12 คน เสียชีวิต 11 คน ทั้งหมดเป็นชาวบ้านหว้า ม.2 ต.กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ล่าสุดได้มีการนำเอาศพของครอบครัวหาญเสมอ จำนวน 4 ศพกลับมาถึงบ้านหว้าซึ่งเป็นบ้านเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 4 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาตั้งศพ วัดบ้านหว้า หมู่ 2 ต.กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ สถานที่ตั้งศพของครอบครัวหาญเสมอ ประกอบด้วย นายน้อย หาญเสมอ คนขับรถปิคอัพ อายุ 38 ปี พร้อมด้วยศพของภรรยาคือ นางนอง หาญเสมอ อายุ 39 ปี และลูกชายลูกสาวคือ ด.ช.วีระศักดิ์ หาญเสมอ อายุ 13 ปี ด.ญ.การ์ตูน หาญเสมอ อายุ 1 ปี 1 เดือน ซึ่งศพทั้งหมดบรรจุอยู่ในโลงเย็น มีรูปภาพทั้ง 4 คนพ่อแม่ลูกของครอบครัวหาญเสมอตั้งอยู่หน้าโลงศพที่เรียงอยู่จำนวน 4 โลง

นายธวัช สุระบาล ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปัญญา มงคลการ ผกก.สภ.ปรางค์กู่และคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.ศรีสะเกษ และหัวหน้าส่วนราชการจำนวนมาก นิมนต์พระจำนวน 4 รูปมาประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพของครอบครัวหาญเสมอ ซึ่งก่อนที่จะมีการสวดพระอภิธรรมศพ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้มอบเงินช่วยเหลือจากกาชาด จ.ศรีสะเกษ ประกันสังคม จ.ศรีสะเกษ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ศรีสะเกษ ธกส.ปรางค์กู่ และส่วนราชการต่าง ๆ ที่ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวหาญเสมอ

ขณะเดียวกันมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จ.ศรีสะเกษ (คปภ.) ร่วมกับ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด ได้มอบเงินค่าสินไหมทดแทนในส่วนของ พ.ร.บ.รถยนต์กระบะ จำนวนเงิน 985,000 บาท โดยเมื่อรวมกับยอดเงินบริจาคที่มีส่วนราชการต่าง ๆ นำเอาเงินมาร่วมบริจาคทั้งหมดแล้ว รวมเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 1,192,722 บาท โดยมีนายแอด สิงขรณ์ อายุ 64 ปี และ นางชมอง สิงขรณ์ อายุ 64 ปี พ่อและแม่ของครอบครัวที่เสียชีวิตเป็นผู้รับมอบ มีบรรดาข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวศรีสะเกษ และชาวบ้านหว้า พากันมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพคืนแรกจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศก

นายแอด สิงขรณ์ พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่านผวจ.ศรีสะเกษและทุกภาคส่วนที่ได้มาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพ และมอบเงินช่วยเหลือตนและครอบครัวในครั้งนี้ ตนอยากขอวอนไปยังทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่า อยากขอให้กรณีครอบครัวหาญเสมอ ซึ่งเป็นลูกสาว ลูกเขย และหลานของตนทั้ง 2 คน ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งครอบครัวให้เป็นรายสุดท้าย ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาอีกเพราะสร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่พ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคนเป็นอย่างมาก ส่วนการสวดพระอภิธรรมศพนั้น ตนและญาติพี่น้องได้กำหนดให้มีการสวด จำนวน 2 คืน จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 1 วัน ทั้งนี้เนื่องจากว่า เพื่อให้ญาติพี่น้องที่เพิ่งทราบข่าวและอยู่ต่างจังหวัดได้มาร่วมพิธีศพได้ทัน โดยมีกำหนดฌาปนกิจศพทั้งหมดในวันที่ 6 ม.ค. เวลา 15.00 น. ณ เมรุวัดบ้านหว้า แห่งนี้

นายธวัช สุระบาล ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งใหญ่และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวชาวศรีสะเกษ หรือว่าเกิดกับครอบครัวของคนใดคนหนึ่ง เพราะว่าทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ผู้ที่เสียชีวิตหลายคนเป็นกำลังสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว พ่อแม่ที่แก่ชราภาพมาก และหลายคนชีวิตกำลังจะเจริญก้าวหน้า การที่มาเสียชีวิตอย่างกระทันหันทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจแก่ครอบครัวญาติพี่น้องเป็นอย่างมาก ตนขอแสดงความเสียใจกับญาติของครอบครัวชาวศรีสะเกษทุกคนที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ ซึ่งตนได้กำชับให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาให้การช่วยเหลือครอบครัวชาวศรีสะเกษที่เสียชีวิตทุกคนในครั้งนี้อย่างเต็มที่ต่อไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่มีการสวดพระอภิธรรมศพนั้น ได้มีคณะเจ้าหน้าที่พยาบาลจาก รพ.ปรางค์กู่มาคอยดูแลสุขภาพของนายแอด และนางชมอง พ่อและแม่ของครอบครัวผู้เสียชีวิต เนื่องจากว่าทั้ง 2 คนมีโรคประจำตัว เมื่อมาเจอกับความสูญเสียอย่างหนักนี้ อาจจะทำให้ช็อคขึ้นมาอีกได้ จึงต้องมีการเฝ้าดูแลสุขภาพให้ทั้ง 2 คนซึ่งอายุมากแล้วอย่างใกล้ชิด

ขอบคุณข่าว : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_170917

  • No tag available