ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ สำหรับเด็ก มีผลเสียหรือไม่? แม่ต้องรู้

24 March 2016
4213 view

ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ สำหรับเด็ก

คุณแม่ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ แต่คุณแม่ลังเลที่จะใช้ เพราะลูกยังเล็กเกรงว่าลูกจะกลืนกินยาสีฟันเข้า ไปถึงแม่คุณหมอจะบอกว่าไม่อันตราย แต่แม่อย่างเราก็ยากที่จะวางใจ วันนี้เรามาหาคำตอบเรื่องการใช้ฟลูออไรด์ในเด็กกันค่ะ

ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ สำหรับเด็ก เริ่มใช้ตั้งแต่ฟันขึ้นซี่แรกจะดีหรือ?

ตำตอบ คือ ดีค่ะ คุณแม่ควรเริ่มใช้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุให้กับลูกรัก ตั้งแต่ฟันซี่แรก สมาคมทันตแพทย์ของอเมริกา (American dental association:ADA) เพิ่มแนวทางการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไร์ในเด็ก โดยให้ขยายการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี ซึ่งในแนวทางการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรค์ ที่ ADA แนะนำให้ผู้ปกครองใช้ทันทีกับลูกน้อยเมื่อฟันเริ่มขึ้น และที่สำคัญ ให้ใช้ขนาดเพียง เมล็ดข้าวเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับเด็กอายุช่วงอายุ  3 – 6 ปี คุณแม่ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ขนาดหรือปริมาณไม่มากกว่าเมล็ดถั่วเขียว

แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ สำหรับเด็กให้ลูกกี่ครั้งถึงจะดี

คำตอบ เด็กๆกินขนมบ่อย ดื่มนมบ่อย เกรงว่าฟันจะผุควรแปรงกี่ครั้งดี ?  แปรงฟันให้ลูกเป็นปกติเหมือนวัยเด็กโต วันละ 2 ครั้ง เวลาเช้าและก่อนนอน หลังการกินทุกครั้งคุณแม่ต้องสอนเรื่องการบ้วนปากให้ลูกด้วย ไม่จำเป็นต้องแปรงทุกครั้งหลังมื้ออาหาร สำหรับเด็กที่ยังดื่มนมควรเน้นการดูแลลิ้นเป็นสำคัญ เพราะคราบน้ำนมเกาะเเน่นที่ลิ้นหากไม่แปรงลิ้นด้วย จะกลายเป็นฝ้าขาวและรุนแรงกลายเป็นเชื้อราในช่องปากได้


ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ สำหรับเด็ก มีผลเสียหรือไม่?

คำตอบ มีผลเสียถ้าใช้เกินขนาดที่เหมาะสม การใชัยาสีฟันผสมฟลูออไรด์มากเกินไป ในเด็ก จะมีผลต่อฟันแท้ที่ขึ้นมา จะมีรอยขาวขุ่นในเนื้อฟัน ระดับเล็กน้อย ถึงรุนแรง ได้ เราเรียกว่า ฟันตกกระในฟันแท้ ดังนั้นคุณพ่อคุณพ่อต้องดูแลการแปรงฟันของลูกน้อยวัยเด็กเล็กอย่างใกล้ชิดทุกครั้ง

ฟันน้ำนม มีความสำคัญต่อการขึ้นของฟันแท้ พ่อแม่อย่างคุณควรใส่ใจทุกรายละเอียดเรื่องฟันของลูกนะคะ สุขภาพฟันของลูกสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจของพ่อแม่

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1. อาการที่บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณจะมีฟันขึ้นแล้ว

2. ลูกไม่ยอมแปรงฟัน ทำอย่างไรให้ลูกชอบแปรงฟัน

3. ฟันขึ้นซี่แรกกี่เดือน วิธีลดความเจ็บปวดเมื่อลูกฟันขึ้นทำอย่างไร

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team

ขอบคุณข้อมูล : http://www.ada.org/en/