เช็กด่วน! ลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อย เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่

16 July 2023
918 view

ลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อย

.

.

คุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครองหลายท่าน เมื่อพบว่าบุตรหลานเลือดกำเดาไหลก็มักจะตกใจ และทำอะไรไม่ถูก เลือดกำเดาไหลเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก มักมีอาการเลือดออกที่ไม่รุนแรงผ่านไปสักพัก 5-10 นาทีเลือดก็จะหยุดไหลได้เอง แต่หากลูก เลือดกำเดาไหลบ่อย มาเช็คด่วนว่าเกิดจากอะไร และจะเป็นอันตรายหรือไม่ ในบทความนี้เรามีคำตอบให้

ลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อย เกิดจากอะไร

เมื่อพบว่าลูก เลือดกำเดาไหลบ่อย อาจสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ว่าลูกกำลังป่วยเป็นอะไรหรือไม่ สาเหตุเลือดกำเดาไหลนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้ 

1. ร่างกายขาดวิตามิน

สาเหตุที่ทำให้ เลือดกำเดาไหล เกิดจาก ร่างกายขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี เพราะเมื่อร่างกายขาดวิตามิน จะทำให้เลือดกำเดาไหลได้ง่าย ดังนั้นคุณแม่ควรให้ลูกได้รับวิตามินอย่างครบถ้วน ด้วยการให้ลูกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ให้มากๆ

2. สภาพอากาศแห้ง

สภาพอากาศแห้งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ เลือดกำเดาไหลบ่อย ส่วนใหญ่มักจะเป็นช่วงหน้าหนาวที่มีสภาพอากาศแห้งกว่าปกติ ส่งผลทำให้โพรงจมูกมีความแห้ง และเมื่อถูกกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เลือดออกได้

3. การแคะแกะเกา

เมื่อเกิดน้ำมูก หรือคัดจมูก เด็กๆ ก็จะรำคาญ และมักจะแคะ แกะ เกา หรือสะกิดบ้าง ซึ่งบางครั้งก็รุนแรงจนทำให้ผนังจมูกได้รับความเสียหาย และกระทบกระเทือนไปถึงเส้นเลือดในโพรงจมูก ส่งผลทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลออกมานั่นเอง

4. อยู่ในที่อากาศร้อนจัด

หากอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด หรือร้อนมากๆ จะทำให้ร่างกายเกิดความดันสูง เพราะเมื่อร่างกายต้องเร่งระบายความร้อนออกมา และในเด็กกระบวนระบายความร้อนยังไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ ทำให้เกิดความดันเฉียบพลัน และส่งผลทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตก จนกลายเป็น เลือดกำเดาไหลบ่อย นั่นเอง

เลือดกำเดาไหล อันตรายหรือไม่

การที่เด็กเลือดกำเดาไหลไม่ได้เป็นอันตราย หรือมีความผิดปกติแต่อย่างใด แต่หาก เลือดกำเดาไหลบ่อย อาจเกิดความผิดปกติบางอย่างได้ อย่างเช่น โรควอลลินด์แบรนด์ หรือ VWD ที่ทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก หรือจะเป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งมักจะแสดงอาการออกมาหลังจากติดเชื้อ 2-3 สัปดาห์ หรือหลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ เลือดกำเดาไหลบ่อย ยังอาจจะเกิดจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เพราะการสร้างเม็ดเลือดขาวที่มากเกินไป จึงทำให้เม็ดเลือดขาวทำลายเม็ดเลือดแดง ส่งผลทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้มากพอ จนทำให้เด็กเกิดอาการ เลือดกำเดาไหลบ่อย นั่นเอง

นอกจากนี้การที่เด็กมีอาการ เลือดกำเดาไหลบ่อย และเป็นเวลานาน อาจทำให้เด็กเกิดภาวะตัวซีด เนื่องจากการสูญเสียเลือดเรื้อรัง จนเกิดภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการ หากลูกมีอาการเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หรือเป็นลมง่าย ให้คุณแม่รีบพาลูกไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเลือด และรับยาธาตุเหล็กไปรับประทาน

ทำอย่างไรเมื่อลูกมีเลือดกำเดาไหล

สิ่งที่น่ากังวลใจเมื่อลูก เลือดกำเดาไหล เกิดจาก การแคะ แกะ หรือเกิดจากสภาพอากาศที่แห้ง คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะตกใจ และทำอะไรไม่ถูก หากพบว่า ลูกเลือดกำเดาไหล คุณแม่ควรตั้งสติ และปฐมพยาบาลให้กับลูกเบื้องต้นด้วยวิธีดังนี้

  • ให้ลูกนั่งตัวตรง โน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย และให้ศีรษะก้มลง เพื่อให้เลือดไหลออกจมูก แทนการไหลลงในลำคอ ซึ่งอาจทำให้เด็กสำลัก และอาเจียนออกมาเป็นเลือดที่กลืนเข้าไป 
  • ใช้มือบีบจมูกบริเวณปีกจมูกเบาๆ ในข้างที่มีเลือดกำเดาไหล อย่างน้อย 10 นาที โดยระหว่างนี้ให้หายใจทางปากแทน
  • ประคบบริเวณจมูกและแก้มด้วยผ้าเย็น หรือน้ำแข็ง เพื่อช่วยให้เลือดหยุดเร็วขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการ แคะจมูก การสั่งน้ำมูกแรง ๆ พร้อมให้เด็กผักผ่อนอย่างเต็มที่
  • กรณีเลือดกำเดาไหลเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในช่วงหน้าหนาว อาจใช้วาสลินครีม หรือขี้ผึ้งทาบริเวณเยื่อบุจมูกเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น

ป้องกันเลือดกำเดาไหลได้อย่างไร

การป้องกันเพื่อไม่ให้ลูก เลือดกำเดาไหลบ่อย คุณแม่สามารถทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ 

  • ป้องกันไม่ให้บริเวณเยื่อบุจมูกของลูกแห้ง เพราะหากมีบริเวณดังกล่าวแห้ง เด็กอาจจะคันและเกิดการแคะ แกะจมูกได้ ควรทาวาสลีนเคลือบรูจมูกก่อนนอน จะช่วยลดความเสี่ยงได้
  • ดูแลอากาศในห้องนอนให้เหมาะสมคือไม่ให้แห้ง หรือเย็นจนเกินไป เพราะสภาวะอากาศแห้ง เป็นสาเหตุเลือดกำเดาไหล ในเด็กเล็กด้วยเช่นกัน
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆ ที่อาจส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุทางศีรษะ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิด เลือดกำเดาไหล
  • ให้ลูกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะ ผัก และผมไม้ให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อโรค 
  • กรณีที่ลูกต้องทานยาเพื่อลดอาการภูมิแพ้อากาศ หรืออาการหวัดในเด็ก หากมีอาการเลือดกำเดาไหล ให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัช เพื่อเปลี่ยนยารักษาที่ไม่ส่งผลต่อการเกิดเลือดกำเดาไหลในเด็ก

เลือดกำเดาไหลเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเด็ก แต่หากพบว่าลูกมีอาการ เลือดกำเดาไหลบ่อย นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนโรคที่ร้ายแรงได้ อย่างเช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรควอลลินด์แบรนด์ หรือ VWD เป็นต้น เพราะฉะนั้นหากพบว่าลูกเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค เพราะโรคบางอย่างหากพบเร็วก็สามารถรักษาให้หายได้

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1. เลือดกำเดาไหล ไม่ใช่เรื่องธรรมดา หากลูกมีอาการแบบนี้!!!

2. โรคในฤดูฝน เด็กป่วยง่ายผู้ใหญ่ป่วยบ่อย เช็คสิมีโรคอะไรบ้าง

3. ADHD หรือโรคสมาธิสั้น โรคของเด็ก โรคใกล้ตัวที่แม่ไม่ควรมองข้าม!!!

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team