สำนักข่าวไทยรายงานว่าเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมา น.ส.วราภรณ์ สุระเทวี อายุ 28 ปี และนายพิจิตร อุเบกขานนท์ อายุ 32 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางรณิดา เหลืองธิติสกุล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี ว่าหลังจากคลอดลูกคนที่ 4 เมื่อปี 2556 ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ได้ให้หมอทำหมันคุมกำเนิดถาวร แต่เมื่อผ่านไป 4 ปี ปรากฏว่า น.ส.วราภรณ์ กลับตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน จึงมาร้องเรียนเพื่อให้ทางโรงพยาบาลที่ทำหมันรับผิดชอบ

น.ส.วราภรณ์ เล่าว่า ที่ผ่านมาตนมีลูกแฝดกับสามีเก่า และมีลูกอีก 2 คน กับสามีปัจจุบัน โดยตนและสามี มีรายได้รวมกันแล้ววันละ 500 บาท ซึ่งแทบจะไม่พอกิน โชคดีที่สามีเก่ามารับลูกแฝดไปเลี้ยงได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา กลับพบว่าตนเองตั้งท้องทั้งที่ทำหมันไปแล้ว และแม้ทางหมอจะเสนอการยุติการตั้งครรภ์ หรือ ทำแท้ง และห้ามนำเรื่องไปบอกสื่อ แต่สามีก็เกรงว่าตนจะได้รับอันตราย จึงพากันไปโรงพักลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และมาแจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรม เพราะตนไม่อยากทำแท้ง 

ด้าน นายพิจิตร ผู้เป็นสามี เล่าว่า หลังทราบว่าภรรยาตั้งครรภ์อีกก็คิดหนัก เพราะคงต้องทำงานหนักหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่จะไม่ยอมให้ทำแท้ง เมื่อลูกอยากมาเกิด ก็จะให้เขาเกิด แต่อยากให้ทางโรงพยาบาลออกมารับผิดชอบ เพราะภรรยาผ่าคลอดมาแล้ว 3 ครั้ง ท้องนี้เกรงว่ามดลูกจะแตก ตอนนี้ทางนายจ้างให้ภรรยาให้หยุดทำงาน เพราะเกรงจะเป็นอันตราย ตนมีรายได้คนเดียว ครอบครัวคงต้องเดือดร้อน

ขณะที่ นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี เผยว่า กรณีนี้ผู้ร้องใช้สิทธิบัตรทอง จึงเข้ามาตรา 41 การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข เกี่ยวกับหลักเกณฑ์จ่ายเงินช่วยเหลือ กรณีผู้รับบริการหมันแล้วตั้งครรภ์ เป็นความเสียหายที่เข้าข่ายมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ โดยการทำหมันแม้จะดำเนินการตามมาตรฐานแล้วแต่ก็อาจตั้งครรภ์ได้ (จากสถิติพบว่าเกิดขึ้นได้ ประมาณ 1/500 ราย)

ทั้งนี้ทางศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี ได้ประสานงานไปยัง หน่วยงานที่รับผิดชอบโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แล้ว ทราบว่าคณะกรรมการได้รับเรื่องไว้แล้ว และจะออกไปตรวจเยี่ยมบ้านผู้ร้อง เพื่อนำมาพิจารณาว่าจะต้องจ่ายเงินช่วยเหลือ  1-2 แสนบาท ซึ่งศูนย์ดำรงธรรม จะได้นัดคณะกรรมการพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือ พร้อม ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และ น.ส.วราภรณ์ และนายพิจิตร ผู้ร้อง มารับเงินช่วยเหลือที่ควรจะได้

ขอบคุณ สำนักข่าวไทย