น่าน - ครูสาวโรงเรียนฯ นาหมื่น เมืองน่าน โพสต์ภาพรองเท้าเด็กนักเรียนขาด พร้อมบทสนทนาระหว่างครูกับศิษย์ตัวน้อยสุดประทับใจ สะท้อนวิถีพอเพียง-ความเหลื่อมล้ำในสังคม จนชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ-ร่วมทำบุญซื้อรองเท้าให้เด็กกันเพียบ ชมผู้ปกครองไม่สร้างปมความยากจนให้เด็ก

วันนี้ (8 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนใจบุญที่ทราบข่าวต่างพากันร่วมทำบุญซื้อรองเท้านักเรียน เพื่อนำไปมอบแก่เด็กนักเรียนบ้านน้ำลี ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น จ.น่าน กันเป็นจำนวนมาก หลัง น.ส.วิไลวรรณ กองนันท์ ครูประจำโรงเรียนฯ ได้โพสต์ภาพรองเท้านักเรียนขาด พร้อมข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว บอกเล่าเรื่องราวบทสนทนาระหว่างครูกับนักเรียน เกี่ยวกับสาเหตุที่รองเท้าขาด ซึ่งสร้างรอยยิ้ม และความชื่นชมในความคิดของผู้ปกครองของเด็กน้อย ร.ร.บ้านน้ำลี แต่ได้สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ชนบทห่างไกล

โดยข้อความบทสนทนาที่สร้างรอยยิ้มชื่นชมจากผู้อ่านจำนวนมากดังกล่าว คือ

ครู : มองไปที่ชั้นวางรองเท้าของนักเรียน ไปสะดุดตากับรองเท้าคู่นี้ ถามนักเรียนว่าของใคร ???
เด็กนักเรียน ป.2 ตัวเล็กๆ วิ่งออกมา บอก ของหนูคะ (ด.ญ.เดียร์)
ครู : ทำไมรองเท้าหนูเป็นแบบนี้ละลูก หมาที่บ้านกัดเหรอ
ด.ญ.เดียร์ : ไม่ใช่ค่ะ รองเท้ามันคับ แม่หนูเลยตัดให้ แม่บอกว่ารอหนูขึ้น ป.3 ก่อนแม่จะซื้อให้ใหม่ เพราะแม่ไปหาซื้อที่ร้านแล้วมันมีแต่คู่ใหญ่ๆ หนูใส่ไม่ได้
ครู : ครูเข้าใจนะ ทำไมแม่หนูถึงตัด
ด.ญ.เดียร์ : เพราะหนูจะได้มีใส่มา ร.ร.
#ใส่จนคุ้มจริงๆ ถ้าครูเป็นเจ้าของโรงงานรองเท้าคู่นี้คงภูมิใจน่าดู

ทั้งนี้ ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นสงสารเด็กๆ และแจ้งบริจาครองเท้าเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนกันจำนวนมาก หลายคนมองว่าเรื่องรองเท้าขาดสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำของสังคม โอกาสของเด็กๆ ที่มีผลกระทบไปถึงคุณภาพชีวิต และสมาธิในการศึกษา นอกจากนี้ยังชื่นชมไอเดียผู้ปกครองที่ยึดหลักความพอเพียง ไม่เอาความยากจน การไม่มีเหมือนคนอื่นมาเป็นปมด้อยให้เด็ก อยู่ได้ในแบบตนเอง พร้อมกับให้กำลังใจคุณครู และนักเรียนที่อยู่ในถิ่นห่างไกลกันดาร

น.ส.วิไลวรรณ กองนันท์ ครูประจำโรงเรียน เปิดเผยว่า ที่นำภาพและเรื่องราวมาโพสต์เพราะรู้สึกสงสารเด็ก และอยากสะท้อนมุมของเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ บนเขาบนดอยในถิ่นกันดาร และเรื่องราวความน่ารักของผู้ปกครองกับเด็กที่ดำเนินชีวิตตามวิถีชนบท ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ใหญ่ใจดีจำนวนมากมีความประสงค์จะบริจาคถุงเท้า รองเท้าให้เด็กนักเรียน ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสที่ดีแก่เด็กนักเรียนด้วย

ที่มา : www.mgronline.com